Checklist bulbophyllum of Thailand..........1

คัดลอกบทความจากคุณ Oo คะ

checklist อันนี้จะรวมกล้วยไม้สกุลสิงโตใน section ต่าง ๆ ไว้ด้วย พูดง่าย ๆ คือในปัจจุบันสกุลย่อย ๆ ต่างในสกุลสิงโตจะเรียกเป็นสกุลสิงโตหมดเช่น Mastigion (นกเหยี่ยว) หรือ Cirrhopetalum เป็นต้น และบางตัวอาจเป็นชื่อพ้อง (synonym) ที่มีชื่อเดียวกันแต่ระบุเป็นคนละสกุลหรือ sp.ก็ได้...จุดนี้เองที่จะทำให้สับสน

1.Bulbophyllum abbrevilabium Carr. (ไม่มีชื่อไทย)



ชนิดนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับสิงโตฮานิฟ (Bulbophyllum hanifii) มาก ๆ ซึ่งชนิดนี้อยู่ใน section Epicranthes ชนิดนี้เป็น 1 ใน 3 ชนิด ที่มีรายงานในประเทศไทย โดยสิงโตฮานีฟ เป็นชนิดที่พบได้ง่ายที่สุด ส่วนอีก 2 ชนิด นั้นค่อนพบได้ยากและมีอยู่ 1 ชนิดที่พบที่เกาะอาดัง จังหวัดสตูล ซึ่งทั้ง 3 ชนิดแยกกันที่กลีบปาก และกลีบดอกที่เป็นเส้นพู่ ซึ่งสิงโตฮานีฟมีลักษณะเด่นกว่าอีก 2 ชนิดอย่างชัดเจน คือ กลีบปากที่เรียวยาวอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีก 2 ชนิดแยกกันที่จำนวนเส้นพู่และลักษณะเส้นพู่ของส่วนที่เป็นกลีบดอก

2.Bulbophyllum acuminatum (Ridl.) Ridl. (สิงโตพัดม่วง*)



เป็นชนิดที่พบในธรรมชาติยากมาก ๆ แต่ผมเคยพบที่จังหวัดนราธิวาสที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบาลา - ฮาลา ใครอยากเจอชนิดนี้ตัวเป็น ๆ มาที่นราธิวาสเลยครับ

3.Bulbophyllum adangense Seidenf. (ไม่มีข้อมูล)


มีรายงานการพบที่ประเทศไทย

4.Bulbophyllum adjungens Seidenf. (ไม่มีชื่อไทย)


เป็นสิงโตในกลุ่มสิงโตไข่ปลา (Bulbophyllum sp. section monilobulbus) ลักษณะคล้ายคลึงกับ Bulbophyllum simplicilabellum มาก ๆ แตกต่างกันแค่สีเท่านั้น ซึ่งชนิดนี้จะมีสีส้มและพบเฉพาะที่ภูเมี่ยงจังหวัดอุตรดิตถ์

5.Bulbophyllum affine Lindl. (สิงโตงาม , สิงโตประหลาด)


ผมเคยพบที่อุทยานป่าหินงามจังหวัดชัยภูมิ ภูหลวงจังหวัดเลยครับ และเคยเจออยู่ 2 แบบเหมือนในรูปครับ แบบแรกคือแบบทั่ว ๆ ไป ที่เส้นภายในดอกตะเป็นสีแดง แบบที่สองคือจะเป็นเส้นสีเหลืองซึ่งพบค่อนข้างยาก

6.Bulbophyllum albibracteum Seidenf. (สิงโตเชียงดาว)


พันธุ์พืชถิ่นเดียวที่พบเฉพาะในประเทศไทยและที่ดอยหลวงเชียงดาวจังหวัเเชียงใหม่เท่านั้น เป็นกล้วยไม้ที่อาศัยบนหินแต่บางทีก็พอิงอาศัยบนต้นไม้ ชอบอยู่ในที่โล่งแจ้งแสงแดดจัด ทนสภาพอากาศหนาวจัดได้อย่างสุดยอด

7.Bulbophyllum albidostylidium Seidenf. (สิงโตเขี้ยวขาว*)



พบได้ค่อนข้างยากและมักจะสับสนกับ Bulbophyllum dissitiflorum แต่ก็มีข้อแตกต่างกัน คือ ที่ปลายของรยางค์ของเส้าเกสรจะมีสีขาว (คือเหตุผลที่เรียกสิงโตเขี้ยวขาว) ตัดกับส่วนอื่นๆที่มีสีน้ำตาลอย่างชัดเจน นอกจากนี้กลีบดอกของชนิดนี้จะสั้นกว่า Bulbophyllum dissitiflorum

8.Bulbophyllum alcicorne C. S. P. Parish & Rchb. f. (สิงโตแดง)


ลำลูกกล้วยลดรูปไปเป็นเพียงปุ่มขนาดเล็กใบคล้ายเฟิร์น ถ้าไม่สังเกตุดี ๆ อาจวืดที่จะเจอหน้าได้ พบได้ในจังหวัดที่ติดกับประเทศพม่าและจังหวัดใกล้เคียงและตามป่าใกล้ชายแดนไทยมาเลเซีย

9.Bulbophyllum allenkerrii Seidenf. (สิงโตหัวกะโหลก)


เคยพบที่จังหวัดกาญจนบุรีและภาคเหนือในบางจังหวัด

10.Bulbophyllum angusteovatum Seidenf. (ไม่มีชื่อไทย)


เป็นกล้วยไม้ขนาดเล็กและพบเจอได้ยาก เขตการกระจายพันธุ์อยู่แถบจังหวัดที่ติดกับประเทศลาวและจังหวัดใกล้เคียง

11.Bulbophyllum annandalei Ridl. (สิงโตอนันดา)



เคยเจอหลายครั้งและหลายสีในป่าแถวภาคใต้ครับ เช่น จังหวัดระนอง นครศรีธรรมราช เป็นต้นมีทั้งปากสีแดง ดอกสีเหลือง






[img]http://www.orchidfoto.com/albums/orchids/bulbophyllum/bulbophyllum_annandalei_yellow/bulbophyllum_annandalei_yellow_05.jpg[/img

12.Bulbophyllum antenniferum (สิงโตปากเป็ด*)


เป็นชนิดรายงานใหม่ (New record) ของกล้วยไม้ในsection Hyalosema ที่ไม่เคยมีรายงานการพบในประเทศไทยมาก่อน หายากเอาการทีเดียวโดยพบที่ชายแดนไทยมาเลเซีย เคยเจอที่ป่าบาลาฮาลา ใครอยากพบเจอ เชิญมานราธิวาส

13.Bulbophyllum apodum Hook. f. (สิงโตช่อตั้ง , สิงโตปัตตานี*)


พบที่ป่าบาลา - ฮาลา ที่ป่าแห่งนี้ยังเป็นพื้นที่ตกสำรวจ คิดว่าน่าจะเจอกล้วยไม้ชนิดใหม่ ๆ อีกเยอะ

14.Bulbophyllum auratum (Lindl.) Rchb. f. (สิงโตร่ม)



พบได้ทั่วไปในภาคใต้ของไทย และพบที่ประเทศไทยเท่านั้น มีหลากสีสันมาก ซึ่งน่าจะเกิดจากการ var.กันเอง

15.Bulbophyllum auricomum Lindl. (สิงโตโคมขาว)


ลักษณะคล้ายสิงโตสุขะกุล (Bulbophyllum sukhakulii) auricomum แต่ต่างกันที่กลีบดอกที่ปลายจะมน และมีขนที่ขอบแต่สิงโตสุขะกุลจะปลายแหลมและขอบเป็นฟันหยัก