ป่าเมืองไทย......ชนิดและลักษณะทางภูมิศาสตร์

ช่วงนี้งานประจำประดังเข้ามาหลายๆงานพร้อมกันคะ เลยไม่มีเวลาหาไม้เข้าคะ ประกอบกับโรงเรียนปิดเทอม ลูกเลยป่วนนิดหน่อย แทบไม่มีเวลาทำงานเลย ทั้งๆที่งานก็เร่งน่าดู

วันนี้(แอบลูก) มาคุยได้คะ

เรื่องแรกที่อยากคุยก็เรื่องป่า( ตามประสา คนชอบป่า) ทำไมถึงเรือ่ง เรื่อง ป่าละ?

ก็เพราะถ้าเราทราบลักษณณะภูมิประเทศของป่าแต่ละชนิดแล้ว เราสามารถเลียนแบบธรรมชาติ เพื่อปรับสภาพและสถานที่ให้คล้ายคลึงหรือเหมือน เพื่อนำไม้ที่เราชื่นชอบมาเลี้ยงดูในลีกษณะที่เค้าเคยอยู่ ก็จะทำให้ เปอร์เซ็นต์การอยู่รอด และเติบโตสูงขึ้นคะ

ไม้ใหม่ ไม่ชำนาญ เรื่องสายพันธุ์กล้วยไม้เลยคะ จริงอยู่แม้จะชื่นชอบมานาน และเล่นมาก่อน นับ 10 ปี ก็ตาม แต่ไม่เคยลงไปศึกษาถึง สปีชี่ หรือ ลึกๆ แต่ละสายพันธุ์ เพิ่งมาเริ่มจริงๆจังเมื่อต้นปีนี้เองคะ( เดือน เม.ย)

เกริ่นเรื่องคะ...............

ไม้ใหม่เริ่มสนใจกล้วยไม้ เมื่อ สมัย ตลาดนัดสนามพลวง สาเหตุ เพราะ คุณพ่อชอบกล้วยไม้มาก

มีเหตุให้ ไม้ใหม่ต้องไปเดินซื้อกล้วยไม้กับคุณพ่อ บ่อยๆ คุณพ่ออายุมาก จำไม่ค่อยได้ว่า ไม้ตัวไหนชื่ออะไร ดอกแบบไหน หน้าที่จดจึงตกมาที่ไม้ใหม่ Rolling Eyes

จนตลาดนัดย้ายมาที่ ตลาดนัดจตุจักร คุณพ่อเรียกได้ว่าไปเดินซื้อกล้วยไม้แทบทุกอาทิตย์เลย ก็ว่าได้ จนคนขายจำหน้าได้ ได้สิทธิ์พิเศษ เดินเข้าหลังร้านค้นได้เลย

เริ่มสะสมไม้ตัวนี้เรายังไม่มี ไม้นี้ดอกสวย เยอะเข้า เลยต้องสะสมหนังสือ( สมัยนั้น คอมพ์ แทบไม่ต้องพูดถึง คะ มีใช้ตาม มหาวิทยาลัยเท่านั้น แบบใช้คีย์คำสั่งเท่านั้น )

เริ่มศึกษาว่า ตัวนี้ชื่อนี้ ดอกแบบนี้ จนเริ่มมีลิสรายชื่อที่อยากได้

แรกๆ ซื้อมาปลูก ( ไม้ป่า) รอดมั๊งตายมั๊ง ก็ เอ.........ทำไมตัวนี้ไม่รอดสักทีนะ .........หลัง อ้อ...... ตัวนี้ ถิ่มกำเนิดอยู่ที่นี้ เริ่มคัดสายพันธุ์

หลังๆ พื้นที่ปลูกไม่พอซะแล้วสิ เลยเริ่มหยุด

ประกอบกับ คอมพ์ ราคาเริ่มถูกลง ไม้ใหม่เรียนจบแล้ว เริ่มมีเวลาว่างมากขึ้น

เริ่มให้ความสนใจกับ พันธุ์ไม้มากขึ้น จนวันหนึ่งอ่านเจอ ประกาศจาก หนังสือ อสท. เกี่ยวกับ เปิดอบรมพันธุ์ไม้ป่าไม่ผลัดใบ โดยวิทยากร อ.พฤกษาศาสตร์ จาก ม.จุฬาฯ ฮึ่มน่าสนใจแหะ เลยไปสมัคร เริ่มแรก แค่อยากรู้จักพันธุ์ไม้เท่านั้นคะ เมื่อไปถึง มีการอบรมพันธุ์ไม้ไม่ผลัดใบ ว่า อยู่ในภูมิอากาศแบบไหน อยู่ในป่าแบบไหน แล้วมีการแยกประเภทป่า การแบ่งลำดับชั้นป่า การดูสภาพป่าแต่ละชนิดว่าเป็นป่าแบบไหน เมื่ออบรมเสร็จ(ในวันนั้น) ก็มีการกล่าวว่าในสัปดาห์หน้าจะมีการศึกษาจากของจริง โดยการเดินป่า ที่ ป่าไม่ผลัดใบ จังหวัดจันทบุรี

นั้นเป็นจุดเริ่มการเดินป่าครั้งแรกในชีวิต( แบบจริงๆจังๆ หลังจากเคยเที่ยวตาม อ/ช มาบ้างแล้วและชื่นชอบเป็นทุนอยู่แล้ว)

.........เอ.....ป่าที่จันทฯ มีป่าไหนบ้างหละ กลับมาก็เริ่มค้นหา ก็รู้จัก แต่ เขาคิชกูฎ เขาสุกริม น้ำตกพริ้ว

ยิ่งใกล้ถึงเวลา ยิ่งตื่นเต้นมาก จัดเตรียมอุปกรณ์เดินป่า ถุงนอน เต้นท์ ไฟฉาย กล้องส่อง มีด ครบเชียวแหละ

ถึงวัน เดินทาง ถึงทราบป่าที่จะไป คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว

อ้าว ทำไมเรียก เขตรักษาพันธุ์ หละ บางที่ ทำไมเรียก อุทยานแห่งชาติ ก็มีการอธิบาย ให้เข้าใจ

ป่ามีการแบ่งลำดับความสำคัญ โดยการอิงความหลากหลายทางชีวภาพ และ แบ่งตามความสำคัญของป่า เป็น วนอุทยาน อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

โดย วนอุทยาน เราสามารถเข้าไปเที่ยวเล่นได้เลย

อุทยานแห่งชาติ จะมี เจ้าหน้าที่คอยดูแล นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวได้ และพักแรมได้โดย ผ่านการอนุญาต จากเจ้าหน้าที่

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า......นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมได้โดยขออนุญาตเจ้าหน้าที่ ก่อน และไม่สามารถเดินทางเองโดยลำพัง ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง และไม่สามารถพักค้างแรมได้ ต้องทำเรื่องขออนุญาต จาก กรมป่าไม้( ข้าง ม. เกษตร บางเขน )ล่วงหน้าเป็นเวลา 15 วันก่อนเดินทาง

เนืองจาก เขตรักษาพันธุ์ ฯ เป็นพื้นที่เปราะบาง มีความหลากหลายทางพันธุกรรม สูง

เริ่มเข้าเรื่องเลยดีกว่าคะ

ป่าเมืองไทย แบ่งใหญ่ๆ ไ้ด้ 2 ประเภท คือ ป่าผลัดใบ กับ ป่าไม่ผลัดใบ

ป่าผลัดใบ ก็คือ ป่าทีมีไม้ผลัดใบพร้อมๆกัน ไม้ชนิดไหนบางหละที่มีการผลัดใบ ไผ่ เต็ง รัง สัก หรือไม้เบญจพรรณ ทุกชนิด ในฤดูแล้ง ป่าผลัดใบจะสวยงามมาก เพราะ มีการผลัดใบพร้อมๆกัน ทำให้ป่ามีสีสันที่สวยงาม มีสีแดง เหลือง ของใบเยอะมาก ทำให้สวยงามมาก คะ

ป่าไม่ผลัดใบ คือ ป่าที่มีไม้ผลัดใบอยู่ และมีการผลัดใบไม่พร้อมกัน เมื่อมีการผลัดใบของพืชไม่พร้อมกัน ทำให้ป่าเขียวอยู่ตลอดเวลา เราจึงเรียก ป่าไม่ผลัดใบ

ป่าไม่ผลัดใบ ยังแบ่งย่อยออกไปอีกเป็น ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น

บางก็บ่งโดยจัดระดับความสูง บางก็จัดจาก ลำดับชั้นของไม้

ถ้ามองจากภาพถ่ายจากที่สูง เราจะเห็นลำดับชั้นของไม้ ถ้ามีการแบ่งลำดับชั้นของไม้เป็น 3 - 4 ชั้น จะจัดเป็น ป่าดิบแล้ง ถ้าแบ่งลำดับชั้นของไม้เป็น 2 - 3 ชั้นจะจัดเป็นป่าดิบเขา หรือ ป่าดิบชื้น คะ

การที่แบ่งเช่นนี้ เพราะ ความหนาแน่นของไม้ที่อาศัยอยู่

ในป่าดิบเขา / ป่าดิบชื้น มักเป็นไม้ขนาดใหญ่ปกคลุม ทำให้ แสงไม่สามารถรอดผ่านได้ ไม้ที่จะขึ้นได้จึงเป็นไม้ใหญ่เท่านั้น ลำดับชั้นของไม้จึงน้อย

ป่าดิบแล้ง มีลำดับชั้นของไม้ มากชั้นกว่า เพราะ ขนาดของไม้ที่อาศัยอยู่ไม่ใหญ่มาก ความหนาแน่นไม่มากนัก แสงจึงรอดผ่านได้บ้าง จึงมีพื้นที่ให้ไม้ขนาดเล็กได้เติบโต จึงมีลำดับชั้นมากกว่า คะ

วันนี้หมดเวลาแล้ว อะ ไว้มาต่อคะ